คน คน คน-นิทานก้อม

คน คน คน-นิทานก้อม

มีเด็กน้อยวัยรุ่นหมู่กันอยู่สี่คน คึดอยากกินต้มไก่แซบๆ แต่ว่าบ่มีไก่สิต้มเด้ กะเลยพากันไปลักไก่พ่อใหญ่ลามาโตหนึ่ง เอามาฆ่าหลกขนต้มอยู่ท่งนา ว่าซั่นเถาะ

บักอั่นนึงหลกขน สับไก่ บักอันนึงดังไฟ บักอั่นนึง หาของหอม เครื่องปรุงนำ บักอั่นนึงขึ้นต้นไม้เบิ่งต้นทาง ว่ามีคนย่างมาแถวนี้บ่ ว่าซั่นเถาะ

การลักขโมยของผู้อื่นนี่ มันบ่ดีเด้อ ซุมสี่ขี้ขโมยนี้ กะบ่ดีคือกัน จักแมนอยากกินแฮงน้อ หมู่เจ้ากะดาย ฮึ…..

ย่อนว่า เป็นไก่ที่ลักขโมยมานั่นล่ะ กะเลยพากันระแวง ย่านชาวบ้าน ย่านผู้อื่นมาเห็น กะยังว้ากะยังว่า กะเลยต้องให้ผู้นึงขึ้นต้นไม้เป็นยามนั่นล่ะ

หลังจาก จัดการเอาไก่ลงต้มในหม้อแล้ว ทั้งสามคน กะนั่งคองท่าอยู่ใต้ต้นไม้ อีกบักนึงกะอยู่เทิงต้นไม้ เด้

สามคนนั่งคุยกันเพลิน เสยอยู่ตี้ล่ะ

บักอยู่เทิงต้นไม้ เหลียวลงมาทางล่าง เห็นหม้อต้มไก่น้ำเดือดปุด ปุด… กะเลยสิฮ้องบอก ให้ซุมอยู่ทางล่างคนต้มไก่ ซั่นดอก เลาฮ้องอย่างแฮงว่า

“คน..คน..คน”

พวกอยู่ทางล่าง ได้ยินคำว่า “คน” ท่อนั่นล่ะ เข้าใจว่า “มีคนมา” พากันย่านถืกจับ กะเลย คว่ำหม้อต้มไก่ บับ แล้วกะฟ้าวแล่นหนี สะล่ะล่ะ

บักอยู่เทิงต้นไม้ เห็นซุมอยู่ทางล่าง แล่นหนี เข้าใจว่า “มีคนมา” กะเลย ฟ้าวลงต้นไม้ แล่นหนีนำก้นซุมนั้นไป

ซุมบักสามคน เห็นบักอยู่เทิงต้นไม้แล่นนำก้นมา กะยังเข้าใจว่า “มีคนมา” กะแฮ่งแล่นบ่หยุด

คนเทิงเหมิด แล่นหนีไปจนไกล ก๋าว่าบ่มีไผเห็นแล้ว กะเลยหยุดเซาเมื่อย…

บักอยู่เทิงต้นไม้ กะเลยถามว่า

“สูพากันแล่นหนีอีหยัง?”

“กะแล่นหนีคน นั่นแหล่ว”

“กูอยู่เทิงต้นไม้สูงๆ คือบ่เห็นมีไผมา”

“กะมึงเป็นคนฮ้องบอกตู ว่า คน คน บ่แมนตี้?”

“โฮ้ย…หมู่ฮาสูเอ้ย… กูบอกให้สูคนต้มไก่ เด้เดียวเนียะ…”

“โอย… สำมาเสียดายต้มไก่แท้ล่ะน้อ…. กูบ่น่างุมหม้อต้มไก่เลย..” พะน๊า…

ทั้งสี่ขี้ขโมย กะเลยบ่ได้กินต้มไก่จ้อย…. สะล่ะล่ะ.